วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[Daomu fic] การเดินทาง



Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
179 days left : Travel


การเดินทาง
เมินโหยวผิง & อู๋เสีย
PG , Drama



ตอนนี้ผมกำลังอยู่ที่ริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในมณฑลเสฉวน ข้างๆ ผมคือเมินโหยวผิงที่ยังคงเหม่อมองไปข้างหน้าราวกับไม่รับรู้ถึงทิวทัศน์สวยงามรอบข้าง

เขาอาจจะรับรู้ เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจ

ผมจ้องมองเขา แล้วเขาก็หันมาหาผมพร้อมมุมปากที่กระตุกเล็กน้อยเป็นสัญญาณของรอยยิ้มที่เขามักจะมีให้ผมเสมอ

ผมกำมือเขาแน่นขึ้น พลางออกแรงดึงให้เขาเดินตาม เบื้องหน้าคือทะเลสาบห้าสีที่งดงามสุดบรรยาย ผมสูดลมหายใจลึกรับเอาอากาศบริสุทธิ์แรกของฤดูใบไม้ผลิเข้าปอด หลับตาลง สัมผัสถึงสายลมสุดท้ายของฤดูหนาวที่กำลังพัดผ่านไป

ฤดูกาลกำลังหมุนเวียน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนหมุนเวียนไปตามวัฏจักรของมัน

ทุกสิ่งทุกอย่าง และ ‘ทุกคน’ ไม่มีข้อยกเว้น

ตัวผมเองก็เช่นกัน

วันเวลาผ่านไป ผมเติบโตมากขึ้น ได้เรียนรู้มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็เข้าใกล้บั้นปลายของชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมไม่ได้รู้สึกเศร้าหรือเสียใจ เพราะผมคิดว่าเกิดมาชาตินี้ ผมได้ใช้ชีวิตเต็มที่แล้ว พอแล้วกับเส้นทางชีวิตที่คดเคี้ยวและยากลำบาก

แต่พอผมมองดูคนข้างๆ ผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองช่างอ่อนด้อยนัก

เมินโหยวผิง เขาเดินบนเส้นทางชีวิตมานานกว่าผม แต่เขาก็ยังไปไม่ถึงจุดหมาย

ผมเคยสงสัยว่า เขาอยู่มานานแค่ไหนแล้ว

มันน่าตลก ที่ไม่รู้ว่าการที่เขามีอายุยืนยาวและหน้าตายังคงดูหนุ่มอยู่เสมอนั้น เป็นพรหรือคำสาปกันแน่

ผมรู้สึกสงสารเขา...

“อู๋เสีย...”

เสียงของเมินโหยวผิงดึงสติผมให้กลับมาอยู่กับความจริงตรงหน้า ผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าเผลอบีบมือที่กุมเอาไว้แน่น ผมรีบคลายมือทันที

“โทษที คิดอะไรเพลินไปหน่อย” ผมส่งยิ้มให้เขาแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ที่นี่สวยดีเนอะ”

เขามองผมอยู่สักพักก่อนจะมองไปที่ทะเลสาบเบื้องหน้า แล้วส่งเสียงในลำคอเบาๆ “อืม”

ทะเลสาบห้าสีที่สะท้อนในดวงตาของเขา เป็นสีขาวดำ

ผมมองนัยน์ตาที่ไร้ความรู้สึกของเขา พลันรู้สึกปวดร้าวในอก แม้แต่สิ่งที่งดงามขนาดนี้ เขาก็ยังมองมันอย่างไร้ความรู้สึก

เคยมีใครสอนเรื่องความรู้สึกให้เขาบ้างไหม? นัยน์ตาของเขาเคยสะท้อนสีสันของโลกบ้างไหม?

ในใจของผม คิดว่าเขา เคย เพียงแต่ตอนนี้ เขาหลงลืมมันไป

ผมหลับตา

เมื่อลืมตาอีกครั้ง ผมได้ตัดสินใจอะไรบางอย่าง

ชีวิตผม ผมได้ใช้เต็มที่แล้ว แต่ชีวิตของเขา เขามักจะทำอะไรบางอย่างหายไปกลางทางเสมอ เขาจึงไม่สามารถไปถึงปลายทางได้

ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะพาเขาไปส่งให้ถึงปลายทางเอง

ความทรงจำ เรื่องราวต่างๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าหากเขาลืม ผมจะช่วยจำให้

ความสวยงาม ความสุข และสีสันต่างๆ ในโลกใบนี้ ผมจะเป็นคนพาเขาไปดู ไปสัมผัสให้รู้สึก

เขา ที่เป็นก้อนหิน

กับผม ที่กลายเป็นก้อนหิน

สักวัน จะกลับมาเป็นมนุษย์ด้วยกัน


...อีกครั้ง



------------------------------------

[Daomu fic] ที่แห่งนั้น



Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
178 days left : สุสาน


ที่แห่งนั้น
เซี่ยจื่อหยาง
PG , Drama






*Spoil*








ที่ภูเขาหิมะ

เหลาหย่างกำลังเดินฝ่าสายลมหนาวเย็นเพื่อปีนขึ้นไปให้ถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ในมือของเขากำกระดาษแผ่นสีเหลืองไว้แน่น

ที่เขียนอยู่บนกระดาษแผ่นนั้นคือแผนที่ที่ดูยุ่งเหยิง แต่เขาก็ยังดูออก และกำลังเดินทางไปให้ถึงจุดที่กากบาทในกระดาษแผ่นนั้น

อีกนิดเดียว...จากที่ที่เขาอยู่ตรงนี้ อีกไม่ไกล ก็จะถึงที่นั่นแล้ว

ในที่สุด เขาก็เดินมาหยุดตรงที่ที่หนึ่ง ซึ่งนอกจากหิมะแล้ว รอบตัวเขาก็ไม่มีสิ่งใดอีก เหลาหย่างเริ่มคลำไปตามพื้น เพียงไม่นานก็เจอรอยแยกช่องหนึ่ง เขาโกยหิมะออกแล้วแทรกตัวเข้าไป ข้างในมืดสนิท เขาเปิดไฟฉายขึ้นส่องไปรอบๆ แล้วเขาก็รู้ตัวว่า เขามาถึงที่หมายแล้ว

แท่นหินสูงครึ่งตัวเขาตั้งอยู่กลางถ้ำใต้รอยแยก เหลาหย่างค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ ถอดถุงมือหนาออกเพื่อสัมผัสแผ่นหินอันเย็นเฉียบ ก่อนจะแค่นหัวเราะ

ในถ้ำนี้ออกจะอุ่น แต่แท่นหินนี้กลับเย็นเยียบ…

“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ เหล่าอู๋...”

ดวงตาของเหลาหย่างฉายแววโศกเศร้า เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาไม่มีโอกาสจะได้เจอเพื่อนสมัยเด็กของเขาอีกแล้ว ตอนที่เขารู้ข่าว เขาจึงตัดสินใจมาที่นี่

“รู้มั้ย กว่าฉันจะมาถึงที่นี่ได้มันลำบากแค่ไหน” เขานั่งลงข้างๆ พลางพูดคุยกับแท่นหิน

“คิดยังไงถึงได้มาอยู่ที่นี่ หนาวก็หนาว เหงาก็เหงา ไม่เห็นจะเหมาะกับนายเลยสักนิด”

เหลาหย่างถอนหายใจ มองตัวอักษรที่สลักอยู่บนแท่นหินอย่างพินิจ ทันใดนั้น เขาพลันสังเกตเห็นสิ่งของชิ้นหนึ่งที่วางอยู่ด้านหน้าหลุมศพ มันเป็นหยกสีเขียวแกะสลักลวดลายประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาเอื้อมมือไปหยิบมันมาดู จึงรู้ว่าหยกแกะสลักนั้นจริงๆ คือดวงตราชนิดหนึ่ง

เขาลองใช้มือลูบไปมาบนดวงตราหยก แล้วก็พบกับตำแหน่งที่จับซึ่งพอดีกับร่องนิ้ว

ดวงตรานี้เป็นกุญแจอย่างหนึ่ง

อย่างนี้เองหรอ...


เหลาหย่างกระจ่างขึ้นมาราวกับเพิ่งนึกได้ เขาได้ยินข่าวคราวของเหล่าอู๋มาบ้าง พอจะรู้ว่าเขากำลัง ‘รอ’ ใครบางคนอยู่ กุญแจดวงตราหยกนี้ คงเป็นเครื่องหมายคำสัญญาของพวกเขา

แท่นหินเย็นเยียบ แต่ดวงตราหยกนี้กลับรู้สึกอุ่น...

นายกำลังรอเขาอยู่สินะ...

เหลาหย่างวางดวงตราหยกคืนที่เดิม จากนั้นเอนตัวพิงแท่นหิน เอื้อมมือไปกอดยังอีกฝั่ง หลับตาลง พูดว่า


“ฉันไม่ได้เอาดอกไม้มาให้ เพราะงั้นให้ฉันกอดนายไว้แบบนี้สักพักแทนแล้วกัน เผื่อนายจะอุ่นขึ้นอีกสักนิด”




เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้

เหลาหย่างลงมาจากภูเขาหิมะ เขามองขึ้นไปบนเขาลูกนั้นเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจึงขึ้นรถเพื่อกลับไปที่หังโจว ระหว่างนั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เขากดรับ เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังลอดมาตามสาย เขาพูดตอบกลับไป

“ผม ผม ผมรู้แล้ว แม่ ผมขอเวลาอีกสักพัก เดี๋ยว เดี๋ยวผมก็กลับ”

หลังวางสาย เขานั่งเหม่อมองไปนอกรถ พลางคิดว่าจะแวะไปที่ร้านของเหล่าอู๋สักหน่อย

บางที...ตอนนี้เหล่าอู๋อาจจะกำลังนอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้เอนในร้านก็ได้



เหล่าหยางคิด



----------------------------

เป็นฟิคมั่วๆ เพ้อๆ ที่เกิดจากตอนแตกหน่อของคุณหนานไพ่ 他们在干什么集 ท่อนนี้ค่ะ


公墓,老痒凭手里一张发黄的便签纸,花了好久才找到了那座墓碑,他在冷风里静默了一会儿,在墓碑前放上鲜花,转身离去。行走间手机响了,他接了起来,里面是个女人的声音。“我,我,我知道了,妈,我过段时间就,就,就回来。”他边走边说道。


ที่สุสาน เหลาหย่างกำลังถือกระดาษโน้ตสีเหลืองแผ่นหนึ่ง เขาใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะหาหลุมฝังศพแห่งนี้เจอ เขานิ่งเงียบไปสักพักท่ามกลางสายลมที่หนาวเย็น ก่อนจะวางดอกไม้ลงด้านหน้าหลุมศพ แล้วเดินจากมา

ขณะนั้นเอง เสียโทรศัพท์ดังขึ้น เขารับสาย เสียงผู้หญิงดังลอดออกมาจากโทรศัพท์

“ผม ผม ผมรู้แล้ว แม่ ผมขอเวลาอีกสักพัก เดี๋ยว เดี๋ยวผมก็กลับ”

เขาพูดพร้อมกับสาวเท้าเดินไปข้างหน้า


[แปลโดย กูเกิ้ลทรานสเลท *จริงจัง*]


//ตอนอ่านนี่ขนลุก หลุมศพคิดว่าเป็นหลุมศพแม่ของอีตาเหลาหย่าง ติดอ่าง ติดแม่ ติดคุก นั่นแหละ (.....)

ติดฟิลเตอร์สาววายหน่อยก็เลยเพ้อออกมาได้แบบนี้ค่ะ ถถถถถถถถถถ





[Daomu fic] ความโศกเศร้าของดอกไม้



Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
186 days left : ดอกไม้


ความโศกเศร้าของดอกไม้
เซี่ยอวี่ฮัว
PG , Drama


เขาคือดอกไม้แสนงามที่กำลังบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอม ใครได้เห็นหรือได้กลิ่นก็ล้วนแต่มีความรู้สึกดีต่อเขา

ดังนั้น รอบๆ ตัวเขาจึงมีแต่คนรุมล้อม

ใครๆ ก็ชอบดอกไม้

นายก็ชอบดอกไม้

เคยชอบ...



ดอกไม้หวนนึกถึงเมื่ออดีต ตอนที่เขานั้นยังเป็นเพียงดอกตูมที่ไม่มีใครสนใจ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองมาทางเขา รอยยิ้มของคนคนนั้นราวกับปุ๋ยและน้ำที่คอยบำรุงรักษาดอกตูมที่แสนอ่อนแอดอกนั้น

ดอกไม้เข้าใจว่า นี่คือความรักที่คนคนนั้นมีให้

จนกระทั่งดอกตูมดอกนั้นได้เบ่งบานเป็นดอกไม้แสนสวย ดอกไม้เชื่อว่าถ้าเขาบานสะพรั่งคงจะทำให้คนคนนั้นมีความสุขมากขึ้นแน่ๆ

แต่แล้วทำไม...นายถึงเลิกยิ้มล่ะ...
ตั้งแต่เขาเริ่มเบ่งบาน ใครๆ ก็ต่างรุมล้อม แต่คนคนนั้นกลับเริ่มถอยห่างออกไปจนเขารู้สึกได้

ทำไมล่ะ...
ดอกไม้อยากจะถาม แต่เขาก็ไม่กล้า จึงได้แต่มองอยู่ห่างๆ

จนกระทั่งดอกไม้ได้รู้ ว่าคนคนนั้นกำลังสนใจก้อนหิน…

ก้อนหินก้อนหนึ่งที่ไม่มีที่มาที่ไป ก้อนหินก้อนหนึ่งที่แสนนิ่งเฉย ก้อนหินก้อนหนึ่งที่ไร้ซึ่งชีวิต

ดอกไม้ทั้งแปลกใจ สงสัย และเสียใจ ทำไมคนคนนั้นถึงสนใจสิ่งที่ไร้ชีวิตแบบนั้น

นี่...หันมาทางนี้สิ...
ดอกไม้พยายามอ้อนวอน เพียงแต่ความปรารถนาของเขาไม่ได้รับการตอบสนอง เสียงของดอกไม้ไม่อาจส่งไปถึงคนคนนั้นได้แล้ว เพราะคนคนนั้นคิดถึงแต่เรื่องของก้อนหิน…

ดอกไม้เริ่มกังวลและหวาดกลัว

...กลัวว่าคนคนนั้นจะลืมเขา

...กลัวว่าคนคนนั้นจะทิ้งเขาไป

...กลัวว่าคนคนนั้นจะไม่ยิ้มให้เขาอีก

...กลัวว่าคนคนนั้นจะ…

หมดรักเขาแล้ว
ดอกไม้ที่เบ่งบาน ค่อยๆ เหี่ยวเฉาลง เขารู้ตัวว่าชีวิตของดอกไม้อย่างเขามันแสนสั้น เขายิ่งเสียใจเมื่อรู้ว่าคนคนนั้นไม่หันมามองเขาอีกเลย

ต่อให้มีคนรายล้อมเท่าไหร่ ก็เทียบไม่ได้กับรอยยิ้มและความอบอุ่นของคนคนนั้น

อา...อยากเห็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้งจัง...
บางที...เขาไม่ควรเบ่งบาน

ไม่อยากเบ่งบานแล้ว ถ้าหากมันทำให้คนคนนั้นจากไป…
ดอกไม้เหี่ยวเฉาลงเรื่อยๆ ต่อให้ใครมารดน้ำใส่ปุ๋ย มันก็ไม่สามารถกลับมาสดใสบานสะพรั่งได้ดังเดิมอีกต่อไป

เพราะรากของดอกไม้ได้ตายไปแล้ว…

หัวใจของเขาตายไปแล้ว…

แม้ในช่วงเวลาสุดท้าย ดอกไม้ก็ยังคงปรารถนา


หันกลับมามองฉันอีกสักครั้งได้ไหม…

ช่วยยิ้มให้ฉันอีกสักครั้งได้ไหม...


ก่อนที่ฉันจะร่วงโรยและไม่สามารถเบ่งบานเพื่อนายได้อีก...


-----------------------------------


[Daomu fic] ความรู้สึกของก้อนหิน



Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
197 days left : รอ


ความรู้สึกของก้อนหิน
เมินโหยวผิง
PG



เขาเป็นแค่ก้อนหินก้อนหนึ่งที่ไร้ซึ่งความรู้สึก

ก้อนหินไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึก เพราะมันไม่มีชีวิต

ดังนั้น ต่อให้รับความรู้สึกมามากเท่าใด ก้อนหินก็ไม่อาจตอบสนองความรู้สึกใดๆ ได้

สิ่งที่ก้อนหินทำ มีเพียงนิ่งเฉย

ก้อนหินนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน แม้จะถูกเตะกลิ้งไปมาบนพื้นดิน แม้จะถูกขว้างปาทิ้งอย่างไร้ค่า

จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งพยายามเปลี่ยนมันให้มีชีวิต

ก้อนหินที่ไร้ชีวิตได้แต่มองดูความดื้อรั้นของคนคนนั้นอยู่นิ่งๆ คอยฟังเสียงพูดของคนคนนั้นพี่พยายามจะสื่อสารกับเขา

โดยที่เขาไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบกลับไป

ก้อนหินคิดว่า อีกไม่นานคนคนนั้นก็คงเบื่อก้อนหินอย่างเขา แล้วก็จะจากไปเอง…

แต่เขาคิดผิด เมื่อหยดน้ำหยดหนึ่งร่วงหล่นกระทบก้อนหิน

ทีแรก ก้อนหินเข้าใจว่าเป็นหยดน้ำฝน แต่มันไม่ได้หล่นมาจากฟากฟ้า มันหล่นมาจากดวงตาคู่หนึ่งที่สั่นระริก

นี่มันคืออะไรกันนะ…

น้ำตาหยดหนึ่ง ทำให้ก้อนหินสั่นไหว ก้อนหินก้อนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลัง 'รู้สึก'

เขายังคงมองดวงตาที่คลอไปด้วยหยดน้ำอย่างนิ่งเฉย แต่บางอย่างในตัวของเขากำลังพังทลาย

นี่หรือ คือสิ่งที่เรียกว่าความรู้สึก…
เขาไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไร เพียงแต่เขาไม่อยากเห็นหยดน้ำตาของคนคนนั้นแล้ว

เพราะเขาเป็นก้อนหิน ไม่สามารถคอยซับน้ำตาให้คนคนนั้นได้ ไม่สามารถทำให้คนคนนั้นยิ้มได้

ตอนนี้ เขารู้แล้ว ว่าตลอดมาที่เขาทำมีแต่มอบความเจ็บปวดให้

เขาจึงตัดใจจากมา ก่อนที่คนคนนั้นจะจากไป

เขาเป็นเพียงก้อนหินก้อนหนึ่ง ที่เพิ่งได้เรียนรู้ถึงการมีความรู้สึก

ดังนั้น…


รอก่อนนะ จนกว่าก้อนหินอย่างฉันจะกลายเป็นคน เมื่อถึงเวลานั้น…

ฉันจะตอบแทนทุกความรู้สึกที่นายมีให้ฉันมาตลอด



------------------------------------


[Daomu fic] โทรศัพท์มือถือ




Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
258 days left : โทรศัพท์มือถือ


โทรศัพท์มือถือ
เซี่ยอวี่ฮัว
PG


เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนในกระเป๋ากางกางของเซี่ยอวี่ฮัว เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วหยิบมันออกมาดูหมายเลขที่ขึ้นโชว์อยู่หน้าจอ ก่อนจะกดรับด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย

"ว่าไง มีอะไรให้ฉันช่วย"

หมายเลขโทรศัพท์เดิมๆ มีเสียงเดิมๆ ลอดมาตามสาย

"ได้ เดี๋ยวฉันจะเตรียมรถไว้ให้"

พร้อมกับเรื่องเดิมๆ

"ไม่ต้องห่วง แค่นี้นะ"

และความรู้สึกเดิมๆ ...



เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เซี่ยอวี่ฮัวมองดูหมายเลขบนหน้าจอ เขาหลับตาพักหนึ่งเหมือนกำลังจัดระบบความคิดของตัวเอง จากนั้นลืมตาขึ้นมาแล้วกดรับ

"ฮัลโหล ว่าไง"

เสียงเดิมที่คุ้นเคย

"ได้ เดี๋ยวฉันจัดการเอง"

...กับเรื่องเดิมๆ

"อืม แค่นี้นะ"

และความรู้สึกเดิมๆ



เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง และอีกครั้ง

เซี่ยอวี่ฮัวมองดูหมายเลขที่เขาจำได้ขึ้นใจบนหน้าจอโทรศัพท์ เขาจ้องมันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเสียงเงียบลง…

และดังขึ้นใหม่อีกครั้ง

เซี่ยอวี่ฮัวเม้มปากเบาๆ เขานิ่งอยู่นานก่อนจะผ่อนลมหายใจแล้วกดรับสาย

"อืม ว่าไง"

วัฏจักรเดิมๆ เริ่มหมุนเวียนอีกครั้ง…

"ได้..."

เสียงเดิมๆ

"เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร แค่เหนื่อยนิดหน่อย"

เรื่องเดิมๆ

"อือ ไม่ต้องห่วง สบายมาก"

ความรู้สึกเดิมๆ

"อืม แค่นี้นะ"

เขารู้สึกเบื่อแล้ว



เซี่ยอวี่ฮัวเหม่อมองโทรศัพท์ที่วางสายไปแล้ว

เขาไม่ได้มองที่ตัวโทรศัพท์ แต่กำลังนึกไปถึงคนที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์

อู๋เสียช่างเป็นคนที่ร้ายกาจเหลือเกิน

เพียงแค่เสียงที่ส่งมาทางสายโทรศัพท์ ก็สามารถทำให้เขาวิ่งเต้นไปทั่วได้

เซี่ยอวี่ฮัวคิดว่า...

บางทีเขาควรเลิกรับโทรศัพท์ของนายน้อยตระกูลอู๋คนนี้ซะ



เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

เซี่ยอวี่ฮัวจ้องมองอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังแผดเสียงร้องบนโต๊ะอย่างครุ่นคิด เขามองอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับเคลื่อนไหว เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่รับสาย

จะไม่รับสายแล้ว...

จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์เงียบลง และดังขึ้นอีกครั้ง เซี่ยอวี่ฮัวก็ยังคงจ้องมองอยู่อย่างนั้นเงียบๆ ไม่สนใจว่าคนในบ้านจะมีใครรำคาญหรือไม่

เขาแค่จ้องมันราวกับจะมองทะลุไปถึงคนที่อยู่ปลายสาย

ในที่สุด เสียงโทรศัพท์ก็เงียบหายไป

เสียงโทรศัพท์เงียบไปแล้ว และไม่ได้ดังขึ้นอีก

เซี่ยอวี่ฮัวกระพริบตาเหมือนได้สติ เมื่อเห็นโทรศัพท์เงียบไปแล้วก็คว้ามาเปิดดู

3 สายที่ไม่ได้รับ

แค่ 3 สาย…

แค่นั้นเองหรอ นายน้อยสาม


เซี่ยอวี่ฮัวยิ้มบางๆ มันเป็นยิ้มที่ไม่สามารถบอกได้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังรู้สึกแบบไหน

ขมขื่น...หรือสมเพช…

ท่ามกลางความคิด โทรศัพท์ในมือส่งเสียงอีกครั้ง เซี่ยอวี่ฮัวชะงักเล็กน้อยที่เห็นหมายเลขเดิมโทรเข้ามา

เขาหลับตา พยายามกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ ก่อนจะกดรับสาย

"ว่าไง นายน้อยสาม มีอะไรให้ฉันช่วย"


สายโทรศัพท์สายนี้ ไม่ว่ายังไงเขาก็ห้ามตัวเองไม่ให้รับไม่ได้สักที


------------------------

[Daomu fic] สมุดการบ้าน



Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
268 days left : การบ้าน


สมุดการบ้าน
เซี่ยจื่อหยาง x อู๋เสีย
PG , Comedy(.....)


ณ เต้ามู่ไฮสคูล ปี 3 ห้องสำริด

เย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน

“เหล่า...เหล่าอู๋ ฉันเอาสมุดการบ้านมาให้นาย”

ผมสะลึมสะลือเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเมื่อถึงเวลาเลิกเรียน มองเหลาหย่างยื่นสมุดการบ้านมาให้อย่างงงงวย

“ทำไมวันนี้ถึงไปมาเอาให้ล่ะ” ผมถาม ปกติแล้วหลังเลิกเรียนผมกับเขาจะไปเอาสมุดการบ้านที่ห้องพักอาจารย์ด้วยกัน แต่วันนี้เขากลับเอามาให้แถมทำท่าเร่งรีบแปลกๆ ด้วย

“ฉัน...ฉันมีธุระ รับไปสิ ฉันต้องรีบไป!”

เขาดูลุกลี้ลุกลน เมื่อผมรับสมุดมาเขาก็มองล่อกแล่กก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าตัวเองออกจากห้องไป แต่ก่อนออกจากห้องเขาหันกลับมาทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง “เหล่าอู๋...ที่หลัง...หลังสมุด...” แต่เขาก็หยุดพูด นิ่งไปสักพักแล้วหันหลังเดินออกไปจากห้องอย่างเร่งรีบทันที

ผมงงกับท่าทีประหลาดของเขา หลังสมุด? หลังสมุดการบ้านหรอ? มันมีอะไร?

ผมพลิกสมุดดู เปิดไปเปิดมาก็เจออะไรบางอย่างที่หน้าสุดท้าย

มันเป็นประโยคบางอย่างที่ผมไม่ได้เป็นคนเขียน ผมประหลาดใจเล็กน้อย สงสัยว่าเป็นคำประเมินของอาจารย์หรือว่าใครมาพิเรนทร์เขียนเล่นไว้ จึงลองอ่านดู


‘ฉันมีบางอย่างที่อยากจะบอกนายมาตลอด

ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ควร แต่ว่าฉันก็รู้สึกไปแล้ว

ฉันอยากบอกนายว่า ฉันชอบนายมาตลอด แต่ไม่มีกล้าบอกสักที

ขอโทษด้วยที่ต้องใช้วิธีนี้ ถึงมันจะแย่แต่ฉันก็ไม่รู้จะบอกนายยังไงดี

ต่อจากนี้นายจะเอายังไง พรุ่งนี้ฉันจะมาขอคำตอบนะ


                                                                                   เซี่ยจื่อหยาง’


พออ่านจบก็ขมวดคิ้ว ความรู้สึกหลากหลายประดังเข้ามา ผมรู้แล้วว่าทำไมเหลาหย่างถึงมีท่าทีแปลกๆ

พรุ่งนี้เช้า ผมกับเขามีเรื่องต้องคุยกัน


ตอนเช้าเมื่อมาถึงห้องเรียนผมก็ตรงดิ่งไปหาเหลาหย่างทันที เขาเห็นผมก็สะดุ้งเล็กน้อยทำท่าเลิ่กลั่ก ผมขมวดคิ้วใส่เขา พูดว่า “เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“อย่า...อย่าเพิ่งพูดที่นี่ ไปข้างนอกกัน” เขาบอกแล้วผุดลุกขึ้น เดินนำลิ่วออกไปยังประตู ผมต้องตามไปอย่างไม่ทันได้ทักท้วง เขายืนอยู่ตรงทางเดินที่ไม่ค่อยมีนักเรียนผ่าน ผมเดินเข้าไปหาแล้วเขาก็พูดขึ้น

“เหล่าอู๋ ก่อนนายจะพูด ขอให้ฉันพูดก่อนนะ” เขาบอก ผมยืนกอดอกนิ่งเงียบเป็นเชิงให้เขาพูด “ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ แต่ว่ามันห้ามไม่ได้ ฉันขอโทษ”

“นายรู้...” ผมกำลังจะพูดแต่เขาก็ยังไม่ให้ผมพูด

“ฉัน...ฉัน...รู้ตัวอีกทีก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว ฉันไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ บางทีเราอาจจะสนิทกันเกินไป นายใจดีกับฉันเกินไป เรื่องมันก็เลยเป็นอย่างนี้” เขาพูดไม่หยุด “ถ้า...ถ้าหากนายรู้สึกแย่ ฉัน...ฉันจะไม่พูดถึงมันอีก แต่...แต่อย่าตัดเพื่อนกับฉันได้ไหม”

เหลาหย่างพูดพล่ามยาว แต่ประโยคสุดท้ายเขาพูดแล้วมองผมอย่างจริงจัง ผมจึงตอบไปว่า “ได้ ฉันจะไม่เลิกคบนาย”

เขาพยักหน้า สูดหายใจแล้วพูดว่า “โอเค ตานายพูดแล้ว”

“นายแม่งพูดอะไรซะยืดยาว ฉันแค่จะถามว่านายรู้จักคนที่ชื่อเซี่ยจื่อหยางไหม”

พอถามเสร็จ เหลาหย่างก็ชะงักค้างไป

“นายรู้ใช่ไหมว่ามีคนเขียนประโยคบอกรักฉันในสมุดการบ้าน” ผมพูดต่อ “แค่ชื่อก็รู้ว่าเป็นผู้ชายแล้ว ไอ้ไข่ย้วย! ที่นายพูดมาทั้งหมดนี่คือนายจะสารภาพร่วมมือกับไอ้หมอนั่นใช่ไหม นายนี่ใช้สมองไปในทางสร้างสรรค์ไม่เป็นเลยหรือไงถึงได้ให้ความร่วมมือผู้ชายมาบอกรักฉัน อยากให้ฉันเป็นเกย์หรือไงวะ”

เขายังคงนิ่งเงียบราวกับรูปปั้น แข็งค้างไปซะเฉยๆ ผมจึงถามเขาอีกที


“เฮ้! ตกลงนายรู้จักคนที่ชื่อเซี่ยจื่อหยางไหม!?”


-----------------------



[Daomu fic] เน็คไท



Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
273 days left : สูท


เน็คไท
เมินโหยวผิง & อู๋เสีย & เซี่ยอวี่ฮัว
PG ใสๆ มุ้งมิ้งน่ารัก



วันนี้เป็นงานวันเกิดของท่านย่าฮั่ว ที่บ้านตระกูลฮั่วจัดงานใหญ่โต ซิ่วซิ่วส่งบัตรเชิญมาให้พวกเราสามคน ผม เมินโหยวผิง และนายอ้วนด้วย ผมคิดว่าความจริงแล้วท่านย่าฮั่วคงอยากเจอเมินโหยวผิง จึงชวนให้ไปร่วมงานวันเกิดแบบนี้

งานเลี้ยงเป็นงานหรูมาก คนที่จะไปต้องใส่สูทผูกไทให้เรียบร้อย ผมจึงตื่นมาแต่งตัวแล้วไปหานายอ้วนกับเมินโหยวผิงที่ปักกิ่งตั้งแต่เช้า

ปรากฏว่านายอ้วนตื่นสาย ผมไปถึงเขาเพิ่งลุกขึ้นอาบน้ำ ส่วนเมินโหยวผิงนั้นอาบน้ำเสร็จก่อนแล้วกำลังแต่งตัวแบบงกๆ เงิ่นๆ หยิบเน็คไทมาผูกเข้าผูกออกมั่วไปหมด

ผมก็ลืมไปว่าไอ้หมอนี่คงไม่ค่อยได้ใส่สูท ครั้งก่อนที่ไปภัตตาคารซินเยว่นายอ้วนคงจัดการให้ ครั้งนี้เพื่อไม่ให้เสียเวลาผมจึงเดินเข้าไปปัดมือเขาออกแล้วสอนเขาผูก คราวหน้าเผื่อมีโอกาสได้ออกงานอีกเขาจะได้ผูกเองเป็น

“นายต้องม้วนขึ้นทับแบบนี้ ให้มันเป็นสามเหลี่ยมแล้วก็สอดไปตรงนี้...”

ผมสอนเขาช้าๆ พอผูกเสร็จ ถามเขาว่าเข้าใจไหมเขาก็ไม่ตอบ ผมคิดว่าเขาเข้าใจจึงปล่อยเลยตามเลย หันไปเตะประตูห้องน้ำเร่งนายอ้วนแทน

กว่านายอ้วนจะแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จก็สายแล้ว เราสามคนไปถึงบ้านย่าฮั่วก็เกือบไม่ได้เข้าไปเพราะมาช้า ยังดีที่ซิ่วซิ่วเห็นว่าพวกเรายังไม่มาจึงออกมารอรับที่หน้าประตูด้วยตัวเอง

“พวกพี่มาช้าจัง” เธอบ่นแล้วเดินนำเราเข้าไปยังสวนหลังบ้านซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ที่นี่กว้างขวางมาก มีโต๊ะจีนหลายชุดที่มีแขกซึ่งคงจะเป็นลูกหลานตระกูลฮั่วนั่งอยู่เต็มไปหมด ผมมองไม่เห็นที่ว่างเลย จนซิ่วซิ่วเดินนำเราเลาะไปตามโต๊ะ ผมจึงเห็นโต๊ะที่มุมหนึ่งยังว่างอยู่แต่มีคนนั่งอยู่คนหนึ่ง เข้าไปใกล้จึงเห็นว่าเป็นเสี่ยวฮัว

“ว่าไง” เสี่ยวฮัวยิ้มทักแล้วเชิญเรานั่ง เขานั่งไขว่ห้างเล่นมือถือ แต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ สวมเชิ้ตสีชมพู เน็คไทหลุดลุ่ย สูทตัวนอกก็ไม่ติดกระดุม ผมเห็นแล้วรู้สึกไม่เข้ากับเขาเอาเสียเลยจึงขมวดคิ้ว

“หืม?” เสี่ยวฮัวเห็นผมขมวดคิ้วมองก็ก้มดูตัวเอง พูดว่า “อ้อ อากาศมันร้อนก็เลยเผลอน่ะ” แล้วรูดเน็คไทขึ้นให้เรียบร้อย แต่ไม่รู้ว่ารูดยังไงมันถึงได้เละเทะหลุดลุ่ยกว่าเดิม เขาแกะเน็คไทออกแล้วผูกใหม่ ท่าทางเงอะงะแปลกๆ จนผมต้องทัก

“คุณชายเก้าอย่างนายไม่น่าจะผูกไทไม่เป็นนะ”

เขายิ้มแล้วยื่นสายเน็คไทมาให้ผม พูดว่า “นายน้อยสาม ผูกให้หน่อยสิ ฉันผูกไม่ถนัด”

ผมชั่งใจอยู่นาน ผู้ชายกับผู้ชายผูกไทให้กันมันจะดูน่าเกลียดไปไหม ผมมองหาตัวช่วยอย่างซิ่วซิ่วแต่เธอเดินไปรับรองแขกที่โต๊ะอื่นแล้ว มองๆ ดูโต๊ะนี้ก็ค่อนข้างลับตาคน แถมแขกในงานก็ไม่ค่อยมีใครสนใจใครด้วยก็เลยเอื้อมมือไปผูกเน็คไทให้เสี่ยวฮัว

ผมบ่นไปผูกเน็คไทให้เขาไป เขาเอาแต่หัวเราะในลำคอจนผมผูกเสร็จ เขาจึงยิ้มกว้างแล้วตักอาหารบนโต๊ะใส่ในจานให้เป็นเชิงขอบคุณ

ผมมองอาหารเบื้องหน้า หยิบช้อนและตะเกียบขึ้นมาตักอาหารกินบ้าง แต่กับข้าวคำแรกยังไม่ทันเข้าปาก เมินโหยวผิงที่นั่งอยู่อีกข้างก็สะกิดยื่นผ้าเส้นสีดำมาให้

ผมเพ่งดู ปรากฏว่าผ้าเส้นสีดำก็คือเน็คไทของเขานั่นแหละ ผมมองเขาอย่างงงๆ ว่ามันหลุดจากเชิ้ตเขามาอยู่ในมือเขาได้ยังไง เขามองหน้าผมนิ่งๆ แล้วพูดว่า “ผูกให้หน่อย”

ผมขมวดคิ้วอีกครั้ง จำใจต้องวางช้อนลงแล้วผูกเน็คไทให้เขาใหม่ ผูกไปบ่นไป “นี่นายยังผูกไม่เป็นอีกหรอ แล้วมันหลุดมาได้ยังไงเนี่ย นายไปดึงมันหรือเปล่า เอ๊ะ หรือก่อนออกจากบ้านฉันผูกไม่ดี...”

ตอนนี้เอง เสี่ยวฮัวที่นั่งอยู่จู่ๆ ก็ผุดลุกขึ้นอย่างแรงจนผมต้องหันไปมอง เขายิ้มให้แบบฝืนๆ พูดว่า “ไปห้องน้ำแป๊บนะ” แล้วเดินออกจากโต๊ะไปแบบฮึดฮัด

อะไรของเขา หรือจะปวดหนัก?

ผมส่ายหัวแล้วหันมาผูกไทให้เมินโหยวผิงต่อ

“เอ้า เสร็จแล้ว ห้ามดึง ห้ามจับ ห้ามขยับนะ ถ้ามันหลุดอีกฉันจะไม่ผูกให้ใหม่แล้ว” ผมบอก เมินโหยวผิงแค่ยกยิ้มบางๆ ที่มุมปาก

จากนั้นเราก็ตักอาหารกินกัน แต่ช่วงที่มัวผูกเน็คไทอยู่นายอ้วนก็โซ้ยอาหารไปเกือบครึ่งแล้ว ผมจึงรีบโซ้ยบ้างก่อนที่จะไม่เหลืออะไรให้กิน พอกินเสร็จ เมินโหยวผิงก็ถูกย่าฮั่วเรียกไปพบดังคาด พอกลับมาเขาก็เดินดุ่ยๆ ไปยังทางออก พอผมถามว่าเกิดอะไรขึ้นเขาก็พูดแค่ว่า

“กลับบ้านกัน”

ผมไม่ถามต่อ เดินตามเมินโหยวผิงออกไปทันที รู้สึกเหมือนมางานเพื่อกินแล้วกลับ ดูน่าเกลียด แต่พวกผมกับย่าฮั่วก็ไม่ได้สนิทกันขนาดต้องใส่ใจเรื่องมารยาทระหว่างกัน แถมที่ย่าฮั่วต้องการคือพบเมินโหยวผิงซึ่งไม่รู้ว่าย่าฮั่วพูดอะไรกับเขาอีก ถึงทำให้เขาดูไม่ค่อยสบอารมณ์แบบนี้


เอาเถอะ ไว้กลับบ้านก่อนแล้วค่อยถามก็ได้


---------------------------------


[Daomu fic] วันที่ผมป่วย



Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
275 days left : ป่วย


ป่วย
หวังเหมิง x อู๋เสีย
PG-13 ใสกิ๊ก


วันนั้นเป็นเช้าวันไหนผมจำไม่ได้ แต่ผมจำได้ว่ามันเป็นวันที่แย่ที่สุดวันหนึ่ง เพราะมันเป็นวันที่ผมป่วยหนัก ผมพยายามหาสาเหตุที่ตัวเองป่วยหนักได้ขนาดนี้ มันอาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศในโลกปัจจุบันที่แย่ลงเรื่อยๆ หรืออาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าและความเครียดสะสมของตัวผมเองก็เป็นได้

ผมตื่นมาพร้อมอาการหนักอึ้งทั่วร่างกาย รู้สึกได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวเอง ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นจากเตียง ผมจึงตัดสินใจโทรไปบอกหวังเหมิงว่าวันนี้จะไม่เข้าร้าน ผมไม่รู้ว่าเขาฟังเสียงอู้อี้ของผมรู้เรื่องหรือเปล่า แต่เมื่อได้ยินเขาพูดตอบกลับมายาวเหยียด ฟังไม่ได้ศัพท์ ผมจึงตัดสายทันทีแล้วนอนต่อ ถึงจะไม่อยากนอนแต่ว่าเปลือกตาของผมมันลืมไม่ขึ้นแล้ว

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ สัมผัสเย็นๆ ที่ใบหน้าปลุกผมให้ตื่นขึ้น ผมลืมตาอย่างยากลำบาก เห็นใครบางคนกำลังบิดผ้าขนหนูที่ชุ่มน้ำในกะละมังอยู่ข้างเตียง กระพริบตาสองสามครั้งก็พบว่าเป็นหวังเหมิง ผมขมวดคิ้วทันที

“นายมาได้ไง...” เสียงของผมแหบแห้งน่าเกลียดมาก หลังจากกระแอมไอสองสามทีจึงรู้สึกดีขึ้น “แล้วร้านล่ะ”

“ผมปิดร้านแล้วมาดูแลเจ้านายอยู่นี่ไง” เขาบอกแล้วถอยห่างจากเตียงทันทีเมื่อเห็นว่าผมจะลุกขึ้นไปตีเขา “เจ้านาย ปิดร้านวันเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก ปกติก็ไม่มีลูกค้าอยู่แล้วจะเปิดไปทำไม...”

เขาหยุดพูดทันทีที่ผมทำตาเขียวใส่ ผมพยายามจะลุกขึ้นจากเตียงแต่เรี่ยวแรงยังไม่กลับมา มองนาฬิกาก็พบว่าเที่ยงแล้ว ข้าวเช้าไม่ได้กิน ท้องไส้ร้องครวญครางไปหมด

ผมนอนแผ่ลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน มองหวังเหมิงแล้วพูดว่า “หิว” เป็นนัยว่า ‘ไปหาอะไรมาให้ฉันกินซะ’

เขาทำหน้าแดง ยิ้มเขินๆ ให้แล้วเดินออกจากห้องไป สักพักก็กลับเข้ามาพร้อมชามข้าวต้ม นั่งลงข้างเตียงอย่างถือวิสาสะ ผมถลึงตาใส่เขา เขาจึงลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้นข้างเตียงแทน

ผมเอื้อมมือจะไปคว้าชามข้าวต้มจากหวังเหมิง แต่เขากลับยกหนี พูดว่า “เจ้านาย เป็นคนป่วยก็นอนนิ่งๆ เถอะ เดี๋ยวผมป้อนให้เอง” เขายิ้มแล้วตักข้าวต้มขึ้นยื่นใส่ปากผม

ผมอ้าปากจะด่าให้ว่าผมเป็นไข้ไม่ได้เป็นง่อย ตักข้าวกินเองได้ แถมผู้ชายกับผู้ชายมาป้อนข้าวดูแลกันแบบนี้มันขนลุก!

แต่ทันทีที่อ้าปาก หวังเหมิงก็ดันช้อนส่งข้าวต้มอุ่นๆ เข้ามา

“อ้าม~ นะครับเจ้านาย”

อ้าม~ พ่อง!

ผมอยากจะด่าแต่ปากเต็มไปด้วยข้าวต้ม ด้วยลำคอแหบแห้ง กว่าจะกลืนลงได้แต่ละคำใช้เวลาพอประมาณ พอกลืนลงได้ อ้าปากใหม่ หวังเหมิงก็ตักข้าวต้มยัดปากผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มชวนน่าเตะอีกครั้ง

ไอ้เด็กนี่!

ผมได้แต่ทนกลืนข้าวต้มที่เขาป้อนคำแล้วคำเล่า จนรู้สึกอิ่มแล้วถึงได้เบือนหน้าหนี

“อิ่มแล้วก็กินยานะเจ้านาย” หวังเหมิงทำท่าดี๊ด๊าดูน่าเตะ วางชามข้าวต้มลงข้างเตียงแล้วหยิบยาที่เอามาจากไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ยื่นให้ผม ผมมองดูอยู่ครู่หนึ่งก็จำได้ว่าเป็นยาลดไข้จึงคว้ามาใส่ปากแล้วรับน้ำมาดื่มตามลงไป

ผมกินยาเสร็จก็ล้มตัวลงนอน ไล่หวังเหมิง “นายไปได้แล้ว” แต่เขาทำหน้างง พูดว่า “ผมยังไม่ได้เช็ดตัวให้เลย เจ้านาย”

ผมหันขวับ บอกว่าไม่ต้อง แต่เขาไม่ฟัง บิดผ้าเช็ดตัวในกะละมังแล้วเดินเข้ามาจะถอดเสื้อผมออก ผมปัดเขาสุดกำลังแต่แค่แป๊บเดียวก็เหนื่อยหอบ จึงยอมปล่อยให้เขาเช็ดตัว

บางทีผมอาจจะมอบอำนาจที่ร้านให้เขามากไป จนตอนนี้เขาไม่ค่อยเชื่อฟังผมแล้ว แต่เอาเถอะ ถ้ามันไม่ก่อให้เกิดเรื่องแย่กับตัวผมและร้านก็ดีแล้ว

สัมผัสเย็นๆ สบายตัวชวนให้ความง่วงเริ่มครอบงำผมอีกครั้ง ผมจึงหลับตาลงปล่อยให้เขาเช็ดตัว

หวังเหมิงเช็ดตัวผมอย่างเชื่องช้า อ้อยอิ่ง แล้ววนไปวนมาที่เดิมหลายครั้ง ผมอยากจะบอกเขาว่าพอได้แล้วแต่เปลือกตากลับลืมไม่ขึ้น ได้แต่ปล่อยเขาทำไป แบบนี้ก็สบายดีเหมือนกัน

จนกระทั่งเขาเริ่มวนมาเช็ดแถวๆ เอว แล้วพยายามจะถอดกางเกงผม ผมลืมตาโพลง รู้สึกตื่นเต็มตาทันที มองหวังเหมิงที่กำลังดึงกางเกง เขาเห็นผมลุกขึ้นมามองก็ยิ้มแห้งๆ ใส่

“จะทำอะไร” ผมถามเสียงเข้ม

“ก็เช็ดตัวไง เจ้านาย”

ผมรีบบอก “ไม่ต้อง พอแล้ว” จากนั้นก็ยื้อกางเกงตัวเองคืนมา หวังเหมิงทำหน้าแปลกๆ ทีหนึ่งเหมือนน้อยใจ หันไปวางผ้าขนหนูใส่กะละมังแล้วยกออกไปนอกห้อง ผมมองตามจนเขาลับสายตาก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง


เด็กนี่ชักจะปีนเกลียวขึ้นทุกที เดี๋ยวถ้าหายดีแล้วผมคงต้องคิดเรื่องเงินเดือนที่เพิ่งเพิ่มให้เขาใหม่แล้ว


--------------------------

[Daomu fic] บุหรี่



Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
276 days left : บุหรี่


บุหรี่
เมินโหยวผิง x อู๋เสีย
PG-13 มุ้งมิ้ง


ตอนที่ผมหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด เมินโหยวผิงก็มองอยู่ตลอดเวลา ผมจึงถามเขาว่ามีปัญหาอะไร แต่นอกจากเขาจะไม่ตอบแล้วยังเอื้อมมือมาฉกบุหรี่ไปจากมือผม แล้วคาบไว้ในปากตัวเองอีก

ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ถ้าอยากสูบก็ขอดีๆ สิมาแย่งของคนอื่นทำไม

ผมเลิกสนใจเมินโหยวผิงแล้วหยิบบุหรี่มวนใหม่ขึ้นมาสูบ แต่ปรากฏว่าในซองไม่เหลือบุหรี่ซักมวน เมื่อเห็นดังนั้นผมก็หันกลับไปจ้องหน้าเมินโหยวผิง มองบุหรี่ในปากของเขาอย่างเสียดาย

เมินโหยวผิงรู้ตัวว่าผมมองอยู่ คว้าบุหรี่ออกจากปากโยนลงพื้น แล้วใช้เท้าเหยียบดับทันที ผมได้แต่อ้าปากค้างมองการกระทำของเขาโดยไม่ทันได้ห้าม

“นายแม่ง...เสียของชะมัด” ผมได้แต่บ่นฮึดฮัดทำอะไรไม่ได้ จะให้พุ่งเข้าไปหาเรื่องเขาก็ใช่เรื่อง ดีไม่ดีโดนอัดกลับแทนอีกต่างหาก

เห็นนายเมินโหยวผิงยังนิ่งเงียบ ผมก็บ่นต่อ “ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องสูบสิ นั่นมวนสุดท้ายแล้วด้วย กลางป่าเขาแบบนี้ฉันจะไปหาบุหรี่ได้จาก...”

ยังพูดไม่ทันจบเขาก็เดินเข้ามาคว้าตัวผม ขณะกำลังตกใจ เขาก็ทาบริมฝีปากลงมาทันที ส่งปลายลิ้นร้อนที่มีรสชาติของบุหรี่เจือจางแทรกเข้ามา

สติผมหลุดลอยทันที จนกระทั่งเขาถอนริมฝีปากออก สติผมถึงกลับคืนมา

“อยากสูบอีกไหม” เขาถาม ผมมองเขาอึ้งๆ พูดอะไรไม่ออก เห็นเขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้งก็รีบร้องลั่น ยกมือขึ้นผลักเขาออกเป็นพัลวัน

“ไม่ ไม่! ไม่อยากสูบแล้ว!”


แต่สุดท้ายผมก็โดนเมินโหยวผิงก็ยัดเยียด ’บุหรี่’ ให้อยู่ดี


---------------------------

[Daomu fic] บุคคลที่สาม



Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
281 days left : สาม

บุคคลที่สาม
เซี่ยอวี่ฮัว & อู๋เสีย
PG , Drama



*spoil*




เซี่ยอวี่ฮัวชอบอู๋เสีย...

เขาไม่รู้ตัวว่าเขารู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่...

อาจเป็นเพราะความไร้เดียงสาของอู๋เสียที่สั่นคลอนข้อปฏิบัติที่เขายึดมั่นมาตลอด

อาจเป็นเพราะการแสดงออกอย่างใสซื่อตรงไปตรงมา ต่างกับเขาที่เป็นนักแสดง เล่นละครหลอกลวงคนอื่นไปทั่ว

หรืออาจเป็นเพราะความอ่อนโยนและเอาใจใส่ที่สามารถกัดกร่อนจิตใจอันแข็งแกร่งได้...

เขาไม่แปลกใจเลย... ที่คนไม่สนโลก ทำหน้าตายอย่างกับรูปปั้นนั่นจะมอบรอยยิ้มให้กับอู๋เสีย ให้ความสำคัญมาก...

...จนต้องบอกลา


เซี่ยอวี่ฮัวคิดว่าสิบปีนี้คือโอกาสสำหรับเขา

หากแต่เขาก็ยังเป็นได้แค่เพื่อน...

...จนกระทั่งวันนั้นมาถึง...


'ทางนี้ออกเดินทางแล้ว เจอกันที่เอ้อร์เต้าไป๋เหอ'


ไม่เป็นไร...ถึงฉันจะเข้าไปแทรกระหว่างนายสองคนไม่ได้ แต่ขอให้ฉันได้อยู่ใกล้ๆ นายก็พอแล้ว...

อู๋เสีย...สิบปีมันไม่นานเท่าชั่วชีวิตหรอกนะ...


---------------------


[Daomu fic] ระหว่างเราสองคน



Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
282 days left : สอง

ระหว่างเราสองคน
เมินโหยวผิง x อู๋เสีย
PG , Drama



ผมไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเมินโหยวผิงนั้นคืออะไร...

บางเวลาก็เหมือนเราสนิทกัน แต่บางเวลาก็เหมือนเราเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น

ผมมองเห็นเขาเป็นเพื่อน เป็นมิตรสหายที่เคยร่วมฝ่าฟันอันตรายด้วยกันมา

แล้วเขาล่ะ? เห็นผมเป็นเพื่อนบ้างหรือเปล่า?

อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าเราสองคนได้ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันแล้ว...


ด้วยสายสัมพันธ์ปริศนาที่แสนเบาบางและอาจขาดสะบั้นลงได้ทุกเมื่อ



ความสัมพันธ์ที่เป็นดั่งเส้นใยบางเบา...

เพียงแค่ตัดสินใจ มันก็ขาดสะบั้นลงได้ง่ายดาย...

แล้วทำไมหัวใจของเขาถึงเจ็บปวดทุกครั้งที่เส้นใยเส้นนั้นสั่นไหว?

คงเพราะเส้นใยเส้นนั้นสำคัญเกินไป...


เขาจึงได้เอ่ยคำลา



-----------------------------


[Daomu fic] หนึ่งชีวิต


Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
283 days left : หนึ่ง


หนึ่งชีวิต
เมินโหยวผิง&อู๋เสีย
PG , Drama


*spoil*



- อู๋เสีย


บางครั้งผมก็คิดสงสัย ว่าหนึ่งชีวิตของคนเราจะใช้ได้คุ้มค่าสักแค่ไหน

บางคนอายุสั้นแต่ก็ใช้ชีวิตคุ้มค่าแล้ว แต่บางคนอายุยืนยาว ยังต้องมาตายจากไปอย่างค้างคา

เวลาที่ผมคิดเรื่องนี้ ผมก็พลันเห็นใบหน้าของคนรู้จักที่ตายไปแล้วแวบเข้ามาในหัว

พานจื่อ...เขาได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าแล้วหรือยังนะ?

ย่าฮั่ว...ท่านอยู่มานาน แต่ก็ต้องตายไปอย่างไม่สงบสุข

ยังไงก็ตาม ผมก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป ใช้ชีวิตต่อไป...

เพื่ออีกหนึ่งสิบปี...


หากนายใช้หนึ่งชีวิตของนายเพื่อสิบปีที่ไร้เดียงสาของฉัน

ฉันก็จะใช้หนึ่งชีวิตของฉันเพื่อเปลี่ยนรอยยิ้มไม่ทุกข์ร้อนหนึ่งร้อยปีของนาย




- เมินโหยวผิง


หนึ่งชีวิตของเขา มีไว้เพื่อปกป้องความลับอันยิ่งใหญ่แสนสำคัญ

แม้จะมีบางช่วงเวลาที่เขาลืมเลือนตัวตนของตัวเองไป แต่เขาก็ยังรู้ว่าตัวตนของเขา มีหน้าที่ต้องปกป้องสิ่งสำคัญ...

...เขาจึงได้ออกเดินทาง

เขาออกเดินทางไปเรื่อยๆ เพื่อให้ตัวตนของเขากลับมา

แต่ในระหว่างการเดินทางนั้น เขาก็ได้พบกับสิ่งสำคัญ...

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้ตัวตนกลับคืนมา

แต่ว่าความรู้สึกของเขากลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...

เขารู้สึกว่าหนึ่งชีวิตของเขานั้น มีไว้เพื่อปกป้องสิ่งสำคัญ

สิ่งสำคัญ ที่แสนสำคัญยิ่งกว่าความลับหนึ่งพันปี...

ตอนนี้ เขารู้หน้าที่ของเขาแล้ว


หนึ่งชีวิตของเขามีไว้เพื่อแลกกับความไร้เดียงสาสิบปีของใครคนหนึ่ง...


--------------------------------------


[Daomu fic] ด้วงกับจอมโจรแห่งสุสาน



Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
285 days left : ด้วง


ด้วงกับจอมโจรแห่งสุสาน
เมินโหยวผิง x อู๋เสีย , ด้วง x อู๋เสีย
PG ใสสุดๆ


“ว้ากกกกกกกก!!!”

ผมแหกปากร้องลั่นอย่างควบคุมไม่อยู่พร้อมกับวิ่งตะบึงไปตามทางเดินสุสานอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมเหลือบไปมองด้านหลัง ด้วงศพฝูงมหึมาบินกรูเต็มทางเดินไล่หลังมาติดๆ!

ไอ้แมลงผีพวกนี้มันมาจากไหนกันเยอะแยะนะ!

ผมวิ่งไปพลางเหลือบมองด้านหลังไป ด้วงปริมาณขนาดนั้นแค่ห้านาทีผมก็คงไม่เหลือซาก ยิ่งตอนนี้อยู่ตัวคนเดียว อาจตายโดยไม่ได้บอกลาใครเลยก็ได้

“ชิบหาย!” ผมสบถลั่นเมื่อเห็นว่าทางด้านหน้าเป็นทางตัน

แบบนี้มีแต่ตายกับตาย!

ผมหันหลังชนผนังอย่างจำใจ ค่อยๆ มองฝูงด้วงคืบคลานเข้ามาใกล้ ยิ่งมันมาใกล้ เสียงตีปีกและเสียงแกรกกราก ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่ากลัว ทันใดนั้น ผมก็ได้ยินเสียงประหลาดดังแว่วมาด้วย

นายน้อย...

เสียงเรียก!

ผมเพ่งสมาธิฟังเพื่อหาต้นเสียงทันที เมื่อฝูงด้วงเคลื่อนมาใกล้ เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้น

นายน้อย...

ชัดเลย เสียงนี้ดังมาจากฝูงด้วง!

ผมกวาดตามอง ไม่มีทางที่จะมีใครอยู่รอดได้ในฝูงด้วงแน่! หรือว่า...นี่ก็คือเสียงของด้วง!

แม่เจ้าโว้ย ด้วงพูดได้! ผมควรจะดีใจมั้ยที่ค้นพบด้วงพูดได้แล้วก็กำลังจะโดนด้วงพวกนี้รุมทึ้งจนตาย!

ตอนนี้ฝูงด้วงมาถึงตัวผมแล้ว ต่างไต่ขึ้นมาตามกางเกง ผมยังอยากมีชีวิตอยู่จึงดิ้นรนทั้งปัดทั้งกระทืบเป็นพัลวัน ชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นต่อไปโว้ย!

นายน้อย <3

เมื่อได้ยินเสียงของด้วงใกล้ๆ ชัดๆ ก็พลันรู้สึกขนลุก แถมยังแว่วๆ เหมือนได้ยินเสียงหอบหายใจประหลาดๆ ด้วย

เชี่ย! ด้วงพวกนี้จะพิลึกเกินไปแล้ว!

“โอ๊ย!” ผมสะดุ้งเมื่อมีด้วงตัวหนึ่งมุดเข้าไปใต้เสื้อแล้วกัดที่เอว ในเวลาเดียวกัน ในกางเกงก็รู้สึกเหมือนมีด้วงไต่อยู่สองสามตัว

ไอ้ด้วงพวกนี้! จู่โจมแต่ใต้ร่มผ้าหรือไง!

ด้วงจำนวนมากไต่อยู่ตามตัวผม ในที่สุดผมก็ล้มลงไปนอนดิ้นพราดๆ อยู่บนพื้น เกือบจะจมไปในฝูงด้วง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงบางอย่างดัง ฟุ่บ พร้อมกับฝูงด้วงที่กำลังรุมโทรมผมพากันแตกฮือ

เมินโหยวผิง!

ผมเห็นเมินโหยวผิงกำลังยืนมองมาที่ผม เขาเปลือยอก เสื้อหายไปไหนไม่รู้จึงทำให้เห็นว่าทั่วตัวเขามีแผลถลอกเต็มไปหมด

“นายมะ...อ๊ะ!” ผมกำลังจะอ้าปากถามเข้าว่ามาได้ยังไง ด้วงที่ยังอยู่ในเสื้อก็กัดอีกที ผมล้วงเสื้ออย่างเอาเป็นเอาตาย เมินโหยวผิงเห็นดังนั้นก็ตรงเข้ามา กระชากเสื้อผมขาดแล้วแกะด้วงตัวนั้นออกให้

ผมถามเขาว่ามาได้ยังไง เขาชี้ขึ้นไปด้านบน ที่แท้ด้านบนมีช่องลับ เขากระโดดลงมาจากตรงนั้น แล้วผมก็ขอบคุณเขา แต่เขาเอาแต่มองตัวผมแล้วขมวดคิ้ว ผมแปลกใจจึงก้มมองดูสภาพตัวเองบ้าง

แม่ง! ไอ้ด้วงตัวนั้นมันกัดผมเป็นรอยทั่วตัวอย่างกับรอยจูบ!!

“เชี่ย!” ผมด่าออกมา ตอนนี้สภาพผมเหมือนเพิ่งทำรักมาหมาดๆ น่าอัปยศที่สุด! ผมยกมือขึ้นกอดอกตัวเอง เสื้อถูกนายเมินโหยวผิงกระชากขาดแล้วจะเอาอะไรใส่ปิดรอยอัปรีย์พวกนี้!

เมินโหยวผิงยังคงมองผม พูดขึ้นว่า “ในกางเกงนาย มีอีกตัว” แล้วทำท่าจะเข้ามากระชากกางเกงผม

“เฮ้ย! ไม่! ไม่ต้อง! เดี๋ยวฉันถอดเอง!! เดี๋ยว...!!!!” ผมร้องลั่นห้ามเขา แต่เข้าไม่ฟังสักนิด นึกในใจว่าแย่แล้ว ถ้าเขากระชากกางเกงผมขาดไปอีก ผมมิเปลือยล่อนจ้อนเลยหรือ!

แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกหวาดกลัวเมินโหยวผิงที่รอยสักขึ้นเต็มตัวเมื่อไหร่ไม่รู้ยิ่งกว่าตอนเจอฝูงด้วงเสียอีก!


คราวหน้าถ้าไปคว่ำกรวยแล้วเจอด้วงพวกนี้อีกผมจะชิงฆ่าตัวตายก่อน แม่งเอ๊ย!


---------------------------------


[Daomu fic] ฟองนม



Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
286 days left : นม

ฟองนม
เซี่ยอวี่ฮัว x อู๋เสีย
PG ใสๆ มุ้งมิ้ง


ในเวลาบ่าย ผมกำลังเดินตากแดดอยู่ข้างถนนเพื่อไปยังร้านคอฟฟี่ช็อปกลางเมือง เนื่องจากจู่ๆ เสี่ยวฮัวก็โทรศัพท์มาบอกว่าเขาแวะมาทำธุระที่หังโจว เลยอยากเจอหน้าผมหน่อย พอผมถามว่าทำไมไม่ไปหาผมที่ร้านเอา เขาก็บอกว่าเขาอยากกินคาปูชิโน่เย็นๆ ผมก็เลยต้องไปหาเขาที่ร้านคอฟฟี่ช็อปแทน

ผมไม่ค่อยได้เข้าร้านคอฟฟี่ช็อปสักเท่าไหร่เลยไม่ค่อยรู้ที่ตั้ง แต่ชื่อร้านที่เสี่ยวฮัวบอกมาก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างผมจึงหามันเจอได้ไม่ยาก

พอไปถึงร้าน เห็นเสี่ยวฮัวนั่งอยู่ที่โต๊ะริมถนนหน้าร้านพอดี เขาโบกมือให้ ผมจึงสาวเท้ายาวๆ เข้าไปหา แต่เมื่อเห็นร้านชัดๆ ผมก็พลันชะงักฝีเท้าแทบอยากหันหลังกลับทันที...

ไอ้ร้านคอฟฟี่ช็อปสีชมพู บรรยากาศสาวน้อยนั่นมันอะไรน่ะ!

คอฟฟี่ช็อปร้านนี้เต็มสีชมพู สีชมพู และสีชมพู! ไล่ระดับสีตั้งแต่สีชมพูอ่อน ชมพูเข้ม ยันสีบานเย็น! แถมยังมีของประดับตกแต่งเป็นรูปดาว รูปหัวใจ แล้วก็รูปดอกกุหลาบอีก!

ผมเหลือบมองเข้าไปในร้านผ่านกระจกใส เห็นมีแต่คู่รักกะหนุงกะหนิงกับกลุ่มสาวน้อยวัยแรกแย้มที่นั่งอยู่เท่านั้น ผมเบนสายตากลับมาทางเสี่ยวฮัว ด้านหน้าร้านมีเพียงโต๊ะเขาโต๊ะเดียวที่มีคนนั่ง...

เสี่ยวฮัว! จริงๆ แล้วนายเป็นสาวน้อยหรือไงกัน!

ผมพ่นลมอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเดินไปหาเขาที่โต๊ะ

“นายเลือกร้านได้ห่วยแตกมาก” ผมทัก

“ทำไมล่ะ บรรยากาศออกจะดี”

“ดีกับผี!” ผมบ่น เขาแค่ยิ้มกว้างแล้วดันคาปูชิโน่เย็นที่ยังเต็มแก้วมาเบื้องหน้าผม ผมเห็นเบื้องหน้าเขามีแก้วคาปูชิโน่ที่พร่องไปครึ่งหนึ่งแล้ววางอยู่ แปลว่าแก้วนี้เขาสั่งเผื่อผม?

“ขอบคุณ” ผมกล่าวก่อนจะยกแก้วคาปูชิโน่เย็นๆ ขึ้นมาซดอึกๆ ดับร้อนโดยไม่ใช้หลอด

“อร่อยมั้ย?” เขาถาม ผมเลียริมฝีปากแล้ววางแก้วลง “ก็อร่อยดี แต่ฟองนมเยอะไปหน่อยนะ”

เขามองหน้าผมแล้วหัวเราะลั่น ผมแปลกใจ หรือผมพูดอะไรผิด ก็ฟองนมมันเยอะเกินไปจริงๆ นี่นา

ผมขมวดคิ้ว อ้าปากจะถาม แต่เสี่ยวฮัวกลับลุกจากเก้าอี้โน้มตัวมาหาผม ก่อนที่ผมจะรู้ตัวว่าเขาจะทำอะไร ใบหน้าของผมก็ถูกเชิดขึ้นเล็กน้อยแล้วเสี่ยวฮัวก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

ในวินาทีที่ผมกำลังมึนงง เสี่ยวฮัวก็ใช้ลิ้นแตะลงที่ริมฝีปากบนของผม ตวัดเลียหนึ่งทีแล้วจูบเบาๆ ก่อนจะถอนหน้าออกไป

ฮะ...เฮ้ย!

ผมตกตะลึงตาค้าง สมองหยุดทำงานไปชั่วครู่ เสี่ยวฮัวนั่งลงที่เดิมแล้วพูดว่า “ฟองนมเลอะแน่ะ” ก่อนจะยิ้มให้แบบมีเลศนัย จากนั้นก็เลียริมฝีปากอีกหนึ่งที เท่านั้นแหละ หน้าผมก็ร้อนผ่าวจนเผลอเบือนหน้าหนีโดยอัตโนมัติ

บ้าเอ๊ย เสี่ยวฮัว! นายทำบ้าอะไรวะ! แล้วฉันจะเขินทำไม...!

ความคิดผมพลันหยุดชะงักลงอีกครั้งเมื่อเหลือบไปเห็นคนที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ในร้านกำลังมองมาที่ผม สายตานับสิบคู่จ้องมองมาด้วยหลากอารมณ์ บางคนมองแบบอึ้งๆ บางคนมองแล้วยิ้ม แถมยังมีบางคนยกนิ้วโป้งให้ด้วย

เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าที่เสี่ยวฮัวทำเมื่อกี้ พวกเขาเห็นหมดน่ะ!

“ฮะฮะ อู๋เสียดูสิ พยานรักของเราเต็มเลย” เสี่ยวฮัวหัวเราะขึ้น

ผมหน้าดำหน้าแดง ทั้งโกรธ ทั้งเขิน ทั้งอาย ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วบอกเขาว่า


“ฉันกลับล่ะ! ถ้านายอยากเจอหรืออยากคุยกับฉันก็ให้ไปหาที่ร้านเอง! ฉันจะไม่มาหานายแล้ว!!”


--------------------------------




[Daomu fic] เมา



Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
287 days left : เบียร์

เมา
เมินโหยวผิง x อู๋เสีย
PG


บรรยากาศที่ปักกิ่งผู้คนยังคงพลุกพล่านเหมือนเคย วันนี้ผมมาที่นี่เพราะนายอ้วนก็โทรศัพท์มาหาผม หลังจากเมินโหยวผิงออกจากโรงพยาบาลพักอยู่กับนายอ้วนได้ไม่กี่วัน

“ไหนๆ น้องเสี่ยวเกอก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก่อนที่เราจะออกเดินทางอีกครั้ง เสี่ยอ้วนขอก๊งให้เต็มที่หน่อยเถอะ”

ผมคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ดื่มให้เมามายก่อนจะกลับสู่วังวนแห่งปริศนาอีกครั้ง จึงตอบตกลง

เมื่อไปถึงบ้านของเขา บ้านของเขาแค่สี่สิบกว่าตารางวาอย่างที่บอก มันดูเล็กก็จริงแต่ก็ไม่ได้คับแคบอะไรมากนัก เขาตั้งโต๊ะเล็กๆ กลางบ้าน มีอาหารไม่กี่อย่าง แล้วผมก็เหลือบไปเห็นกองขวดเบียร์หลายสิบขวด นึกในใจว่า นายอ้วนนี่กะไม่เมาไม่เลิกหรือไง

พวกเรากินไป ดื่มไป ขุดคุ้ยเรื่องนู้นเรื่องนี้มาฝอยกันอย่างเมาและมัน แต่ดูเหมือนจะมีแค่ผมกับนายอ้วนเท่านั้นที่เมาและมัน เพราะเมินโหยวผิงเอาแต่กินอาหารเงียบๆ นายอ้วนก็คงสังเกตเห็นเหมือนกันจึงพูดขึ้น

“น้องเสี่ยวเกอ ไม่เอาสักหน่อยหรือ”

นายอ้วนยื่นขวดเบียร์ให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม เมินโหยวผิงมองขวดในมือนายอ้วนนิ่งๆ ผมคิดว่าอย่างหมอนี่ขนาดบุหรี่ยังคว้าไปเคี้ยว ยื่นเบียร์ให้เขาไม่เอาไปอาบเล่นหรอกหรือ

“เสี่ยวเกอไม่สนหรอกนายอ้วน ของไม่มีประโยชน์เขาไม่เอาเข้าปากหรอก” พูดจบผมก็หัวเราะ รู้สึกว่าจะเริ่มเมาแล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองหัวเราะทำไม

แล้วผมก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเมินโหยวผิงคว้าขวดเหล้าในมือนายอ้วนไปกระดกเข้าปาก จากนั้นผมกับนายอ้วนก็ระเบิดหัวเราะลั่น

ท่าทางหลังจากออกจากโรงพยาบาลมา สติสตังของหมอนี่ยังไม่กลับมาจริงๆ ด้วย

ผมส่ายหัวแล้วก็หันไปเปิดประเด็นฝอยกับนายอ้วนต่อ ไม่ได้สนใจคนข้างๆ อีก เวลาผ่านไปนานแค่ไหนจำไม่ได้ ผมรู้สึกสะลึมสะลือ เหมือนนั่งสัปงกอยู่สักพัก พอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็เห็นนายอ้วนหงายท้องนอนกอดขวดเหล้าไปแล้ว

ผมส่ายหัวไล่ความง่วงและความมึน พอตั้งสติได้เล็กน้อยก็รู้สึกถึงน้ำหนักกดทับบนหน้าตัก ผมจึงก้มมองดูแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง สติกลับมาแจ่มชัดในทันที

บนหน้าตักของผมมีศีรษะของเมินโหยวผิงนอนหนุนอยู่!

ด้วยความตกใจผมรีบดันหัวเขาออกทันที แต่ว่าดันเท่าไหร่หัวเขาก็ไม่หล่นจากตักผม ตอนนี้เองผมเพิ่งสังเกตเห็นว่ามือของเขารัดเอวผมไว้ด้วย!

ผมอ้าปากค้าง พยายามปลุกคนที่กำลังนอนหนุนตัก ทั้งเขย่า ทั้งเรียก ตบแก้มก็แล้ว แต่ปฏิกิริยาของเขามีแค่ขมวดคิ้วเหมือนคนนอนฝันร้ายแล้วก็เอาหน้าซุกไซ้กับตักของผมแล้วนอนต่อ

โอย...อยากจะบ้าตาย...

แต่ปกติเขาไม่ใช่คนหลับลึกขนาดนี้นี่ ผมกวาดสายตาแล้วก็เห็นขวดเหล้านอนกลิ้งอยู่ข้างๆ ตัวเขา ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย อย่าบอกนะไอ้หมอนี่...

เมา?!

ผมลองแกะมือเขาพยายามลุกขึ้น แต่เขากลับยิ่งรัดผมแน่นขึ้นไปอีก ผมลองหลายวิธีอยู่นานมากแต่ก็ไม่สามารถจะสลัดเขาหลุดไปได้เลย

เมินโหยวผิง! นายเป็นปลาหมึกหรือไงกัน!

เพราะออกแรงมากไป อีกทั้งด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้ผมเริ่มมึน ความง่วงเริ่มเข้าจู่โจมอีกครั้ง อารมณ์หงุดหงิดก็ตามมาเนื่องด้วยอยากนอนแต่ไม่ได้นอน ผมจึงเลิกจะสนใจไอ้ปลาหมึกบนตักแล้วเริ่มหาที่ทางเพื่อนอนบ้าง


เออ! อยากเกาะก็เกาะไป ฉันก็จะนอนมันทั้งอย่างนี้ล่ะ!


------------------------------------



[Daomu fic] บันทึกของเสี่ยอ้วน


Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
288 days left : หวัง

บันทึกของเสี่ยอ้วน
PG


ปกติเสี่ยอ้วนไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ขนาดจะมานั่งเขียนบันทึกหรอกนะ แต่ว่าช่วงนี้ฝนตก นั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ ก็เบื่อ เคยเห็นเทียนเจินขยันจดบันทึกก็อยากลองทำบ้าง เผื่อในอนาคตมันจะกลายเป็นโบราณวัตถุให้ลูกหลานขุดหา เออแฮะ แหล่มไปเลย

ว่าแต่บันทึกนี่ต้องจดอะไรบ้างหว่า?

ช่างเถอะ เสี่ยอ้วนอยากจดอะไรก็จะจด แค่แก้เบื่อไปเท่านั้น

เมื่อไม่ได้ลงกรวย วันเวลาก็ดูเหมือนผ่านไปเชื่องช้า ชวนให้นึกถึงตอนที่เราออกไปกอบกู้กรวยด้วยกันสามคน พวกนายรู้ไหมเสี่ยอ้วนรู้สึกสนุกเสมอเวลาเราอยู่ด้วยกัน แม้เทียนเจินจะชอบขัดคอเสี่ยอ้วนเสมอ และน้องเสี่ยวเกอก็ไม่สนใจเสี่ยอ้วนเลยก็ตาม

พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็เจ็บปวดเหมือนกันนะ เทียนเจินกับน้องเสี่ยวเกอเหมือนจะมีซัมติงบางอย่างที่เสี่ยอ้วนเข้าไปแทรกไม่ได้ โดนบีบให้อยู่วงนอกเสมอมา โธ่เอ๋ย พวกนายสองคนนี่นะ แอบไปสร้างสัมพันธ์อะไรไม่บอกเสี่ย แล้วอย่างนี้ในอนาคตบ้านแตกสาแหรกขาดขึ้นมาเสี่ยอ้วนจะช่วยพวกนายได้ยังไง

ถ้าพวกนายไม่มีเสี่ยอ้วนคนนี้คอยเป็นคนกลาง นายสองคนก็คงไม่ได้สานสัมพันธ์กันไปไหนต่อไหนหรอกนะรู้มั้ย

คนหนึ่งก็เงียบเชียบไม่พูดจา อีกคนก็ใจร้อนอยากรู้อยากเห็น แถมยังดื้อด้านเป็นคุณหนูขี้งอนเอาแต่ใจ บลาๆๆๆ อีกต่างหาก เพราะฉะนั้นมีอะไรก็คายออกมาให้เสี่ยอ้วนรับรู้บ้าง

แล้วก็เทียนเจิน นายนี่ตัวดีเลย ซนเป็นที่หนึ่ง ถ้าไม่ได้เสี่ยอ้วนช่วยชีวิตไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งนายก็คงซี้แหงอยู่ในกรวยตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีโอกาสมาจดบันทึกเรื่องราวจนได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือขายดีอย่างที่เป็นอยู่นี่หรอก

จริงสิ พูดถึงเรื่องหนังสือแล้วมันน่าแค้นนัก เอาเสี่ยอ้วนไปบันทึกด้วยแล้วก็ยังไม่ให้ค่าเครดิตอีก แบบนี้มันทำคุณบูชาโทษชัดๆ ได้ เสี่ยอ้วนจะเอาบันทึกไปแชร์ให้โลกรู้บ้าง ได้ยินว่าหนังสือของนายโด่งดังจนมีแฟนคลับตั้งเว็บไซต์ให้ ได้การล่ะ เดี๋ยวขอหาข้อมูลก่อน



เสี่ยอ้วนเล่นเน็ตไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ ไม่เข้าใจว่าทำไมพอค้นหาชื่อบันทึกของเทียนเจินที่ตีพิมพ์แล้วมันเจอของแปลกๆด้วยวะ?

ผิงเสียคืออะไร? แล้วสาววายนี่หมายถึงใครหว่า?

พอสืบค้นไปๆ มาๆ ชักปวดหัว สรุปได้แค่ว่า สาววายก็คือแฟนคลับบันทึกของเทียนเจินสินะ แล้วผิงเสียนี่หมายถึงอะไร? คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยเห็นเทียนเจินบันทึกลงไปด้วย ผิง? เมินโหยวผิง? ใช่หรือเปล่านะ รู้สึกว่าคำนี้จะหมายถึงน้องเสี่ยวเกอ เสี่ยอ้วนจำไม่ได้หรอก เสี่ยอ้วนไม่ใช่หนอนหนังสืออย่างเทียนเจิน ไม่มานั่งอ่านหนังสือเป็นสิบๆ เล่มหรอกนะ

ว่าแต่นายก็บันทึกเยอะไปนะทียนเจิน ซูฮกเลยจริงๆ

แล้วสรุปว่า ผิงเสีย นี่มันหมายถึงเสี่ยวเกอกับเทียนเจินใช่ไหม? แล้วเสี่ยอ้วนล่ะ สาววายเอาเสี่ยอ้วนไปไว้ไหนกัน! เสี่ยอ้วนจำได้นะว่าเทียนเจินมันบันทึกเสี่ยลงไปแน่ๆ แล้วไหนล่ะ ไม่เห็นมีชื่อเสี่ยอ้วนซักคำ! น่าน้อยใจจริงๆ ก็อย่างนี้ล่ะนะ โลกนี้ช่างอยู่ยากขึ้นทุกวัน

อ๊ะ กระดาษหมดแล้ว ฝนก็หยุดแล้วด้วย เสี่ยออกไปหาอะไรกินแก้เซ็งดีกว่า ขี้เกียจบันทึกแล้ว

แต่ถ้าใครเจอสาววายก็ฝากถามให้ที เสี่ยอ้วนสำคัญอยู่ไหม ฮึ


                                                                                         เสี่ยอ้วนหวัง


--------------------







[Daomu fic] Trick or Treat



Fic - Daomubiji บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
#dmbjdaily
291 days left : Halloween


Trick or Treat
หวังเหมิง x อู๋เสีย
PG


นับวัน หวังเหมิงชักจะขี้เกียจขึ้นเรื่อยๆ...

เรื่องนี้ผมไม่ได้คิดไปเอง เพราะวันนี้ผมเข้าร้านสายแต่ว่าร้านยังไม่เปิด นั่นแปลว่าหวังเหมิงยังไม่มาทำงาน

ผมนึกในใจ ไอ้หมอนี่ ขึ้นเงินเดือนให้ก็แล้ว แถมรู้สึกจะพึ่งพาบารมีผมทำให้มีหน้ามีตามากขึ้น ยังจะขี้เกียจอีกรึ

ผมเปิดร้านเข้าไปนั่งเอกขเนก พลางนึกหาวิธีจัดการกับลูกจ้างจอมขี้เกียจ สักพักเจ้าตัวดีก็เดินเข้าร้านมา

"หวังเหมิ...!" ปากที่พูดอยู่ชะงักค้างทันที เมื่อเห็นว่าวันนี้เขาแต่งตัวประหลาด

เดี๋ยว...ไอ้หูหมาบนหัวนั่นมันอะไร!

"ทริค ออร์ ทรีต!" ยังไม่ทันจะหายอึ้ง หวังเหมิงก็พูดขึ้นพร้อมแบสองมือมาข้างหน้า

"หา?"

"ทริคออร์ทรีตไงเจ้านาย วันนี้วันฮาโลวีนไม่ใช่หรือ ผมขอรางวัลหรือโบนัสหน่อยสิ" หวังเหมิงพูดแล้วส่งสายตาระยิบระยับอย่างกับหมารอกระดูก ซึ่งเหมือนมากจริงๆ...

ว่าแต่...เอ็งเป็นเด็กประถมรึไง! แล้วทริคออร์ทรีตเขาให้เด็กๆเล่นเพื่อขอขนมไม่ใช่เรอะ!

"นายขี้เกียจขนาดนี้ยังมีหน้ามาพูดถึงรางวัลโบนัสบ้าบออะไรอีกเรอะ!" ผมตีมือเขาแล้วสั่ง "ไปทำงาน!!"

หวังเหมิงหน้าจ๋อยลงทันที ผมราวกับจะเห็นหูหมาปลอมของเขาลู่ลงด้วยก็นึกขำ แต่พยายามเก๊กไว้แล้วนั่งก้มหน้าดูสมุดบัญชี

จริงๆเลยไอ้หมอนี่ นับวันจะยิ่งเพี้ยน

"เจ้านาย..." จู่ๆ หวังเหมิงก็เรียกอยู่ข้างๆ ทำเอาตกใจเล็กน้อย

อะไรของหมอนี่ ไล่แล้วยังไม่ไปทำงานอีก!

ผมคิดจะหันไปด่าอีกสักคำสองคำ แต่พอหันไปแก้มก็ชนเข้ากับสิ่งหนึ่งทันที

ฟอด!

สมองผมหยุดทำงานอัตโนมัติ ในหัวรู้สึกขาวโพลน ภาพเบื้องหน้าคือหวังเหมิงกำลังถอนหน้าออกไปก่อนจะกลับหลังหันแล้ววิ่งไปทางประตู

เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้มันอะไร...

มือผมจับแก้ม รู้สึกเปียกชื้น ชัดเลย...ชัดเลย!!



"ไอ้หวังเหมิงงงงง!!!!!!"



----------------

เปิดบล็อกใหม่แล้ว ;w;  /เต้นระบำ